ขอบคุณข้อมูลจาก : raipoong.com
โดย ดร.ฉัตรภา หัตถโกศล อาจารย์ประจำภาควิชาโภชนวิทยา
คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
พูดถึงคำว่าเสพติด คนทั่วไปมักจะคิดถึงยาเสพติด การติดเหล้า ติดบุหรี่ หรือของมึนเมาต่างๆ
ใครเลยจะคิดว่าอาหารที่เรากินอยู่ทุกวันนี้ก็สามารถทำให้เราเกิดการเสพติดได้เช่นเดียวกัน
เช่น การติดช็อกโกแลต ติดขนมหวาน ติดมันฝรั่งทอด ถั่วทอด เป็นต้น
เมื่อไม่ได้กินจะเกิดความอยาก กระสับกระส่าย หงุดหงิด และเมื่อกินบางครั้ง
จะไม่อยากหยุดจนกว่าอาหารตรงหน้าจะหมดไป อาการเหล่านี้บางคนคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาและไม่ใช่เรื่องใหญ่
ที่จะต้องนำมาใส่ใจ และไม่คิดว่าสิ่งเหล่านี้จะกระทบต่อสุขภาพของตนเอง
แต่ในความเป็นจริงแล้วการเสพติดอาหารจะส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง
จากการศึกษาพบว่าในปัจจุบันนี้โรคอ้วนและโรคอ้วนลงพุงมีอัตราการเพิ่มที่สูงขึ้นและเป็นปัญหาต่อสังคม
และเศรษฐกิจ ซึ่งสาเหตุหนึ่งอาจเกิดจากการเสพติดอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสพติดอาหารที่มีน้ำตาลสูงหรือ
การติดรสชาติหวาน การติดอาหารที่มีไขมันสูงกลุ่มอาหารทอด ขนมเบเกอรี่
และอาหารที่มีความเค็ม เช่น มันฝรั่งทอด เนื้อทอด ไก่ทอด หมูปิ้ง ซอสปรุงรสต่างๆ
นักวิชาการด้านโภชนาการได้ทำการศึกษาถึงการเสพติดอาหารของคน
พบว่าคนที่มี ‘การเสพติดอาหาร’ จะมีสารเคมีในสมองที่เปลี่ยนแปลงเหมือน ‘คนที่เสพติดยาเสพติด’
โดยความหวานจะทำให้คนติดมากที่สุด รองมาคือ ความเค็ม และความมัน
เมื่อได้รับอาหารที่ตัวเองเสพติดแล้ว สารโดปามีนจะหลั่งออกมาทำให้เกิดความสุขทำให้อารมณ์ดี
ตื่นตัว กระฉับกระเฉง มีสมาธิทำงานได้ดีขึ้น จึงเกิดเป็นการเสพติด
เพราะต้องการที่จะได้รับความสุขและทำงานได้มากขึ้น จนบางครั้งทำให้กินอาหารประเภทนั้นๆ บ่อยและมากเกินไป
ผลที่ตามมาคือทำให้ได้สารอาหารบางอย่างมากเกิน เช่น พลังงานที่มากเกินกว่าความจำเป็นของร่างกาย
ทำให้น้ำหนักเพิ่มมากขึ้น และตามมาด้วยโรคอ้วน โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง
โรคเบาหวานและโรคเรื้อรังอื่นๆ
พฤติกรรมที่บ่งบอกว่ามีการเสพติดอาหาร
• เลือกซื้ออาหารชนิดนั้นเป็นประจำสัปดาห์ละมากกว่า 3 ครั้ง
• กินอาหารชนิดนั้นมากกว่าที่วางแผนว่าจะกิน หรือกินแล้วไม่อยากหยุดกิน
• มีความอยากกินอาหารชนิดนั้นมากกว่าอาหารชนิดอื่น
• กินอาหารชนิดนั้นแม้ว่าจะไม่หิวเลยก็ตาม
• เมื่อไม่ได้กินอาหารชนิดนั้นจะทำให้จิตใจไม่เป็นสุข เกิดความหงุดหงิด
อารมณ์เสียหรืออาการทางร่างกาย เช่น ปวดหัว มือสั่น ใจสั่น หน้ามืด
• ขาดสมาธิเมื่อไม่ได้อาหารชนิดนั้นๆ
• หาข้ออ้างหรือเหตุผลในการกินอาหารชนิดนั้นเสมอ
แนวทางการแก้ไขการเสพติดอาหาร
• วางแผนการกินในแต่ละวันและพยายามทำให้ได้ตามแผน สามารถรับประทานอาหารที่เสพติดได้
แต่กินให้น้อยลงและกินเฉพาะในมื้ออาหารเท่านั้น
• พยายามเลือกอาหารที่มีประโยชน์แทนที่อาหารที่ไม่มีประโยชน์ เช่น หากติดการรับประทานน้ำหวาน
อาจเริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นผลไม้รสหวานแทน และรับประทานผลไม้ที่ไม่หวานร่วมด้วย
• ทำการจดบันทึกพฤติกรรมการบริโภคว่าอาหาร ว่ามีความถี่ในการกินมากน้อยแค่ไหน
• ถามตัวเองก่อนที่จะกินอาหารที่เสพติดว่าต้องการจริงๆ หรือไม่
และต้องการปริมาณเท่าใดถึงจะพอ การถามตัวเองก่อนจะช่วยลดปริมาณความอยากอาหารลงได้
• พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการซื้อหาหรือมีอาหารที่เสพติดอยู่
การเสพติดอาหารแม้ว่าจะฟังดูไม่น่ากลัวเหมือนการเสพติดอย่างอื่น
แต่ก็ส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้เช่นกัน ดังนั้นหากเราสามารถที่จะลดการเสพติดอาหาร
โดยเฉพาะอาหารนั้น เป็นอาหารที่ก่อให้เกิดโทษต่อร่างกายได้แล้ว
ก็จะทำให้เรามีความสุขกับการกินอาหารได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น และทำให้สุขภาพดีตามมา